ประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ เปิดสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ต้อนรับคณะอบรมจากหลักสูตร TEPCIAN รุ่นทึ่ 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเข้าศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ความสำเร็จการทำธุรกิจของซีพี ในหัวข้อ “Shift and Share แบ่งปันความสำเร็จการทำธุรกิจในจีน : กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์”
22 ก.พ. 2563 – ประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ พร้อมคณะผู้บริหารเครือฯ ร่วมให้การต้อนรับคณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านองค์ความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจจีน TEPCIAN รุ่นที่ 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีคุณกลินท์ สารสิน นายกสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานกรรมการหอการค้าไทย คุณสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการและประธานหลักสูตรฯ ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดร.เทอดศักดิ์ บุญทศ ประธาน TEPCIAN รุ่นที่ 1 ฝ่ายชาย และ ดร.นุชนาถ วสุรัตน์ ประธาน TEPCIAN รุ่นที่ 1 ฝ่ายหญิง พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ ภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ กว่า 100 คน เข้าร่วมศึกษาดูงานเยี่ยมชมสถาบันผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จ.นครราชสีมา
ในการนี้ ประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ “Shift and Share แบ่งปันความสำเร็จการทำธุรกิจในจีน : กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์”ให้แก่คณะผู้เข้าอบรมฯ เพื่อถ่ายทอดและให้มุมมองแนวคิดการทำธุรกิจในจีน โดยกล่าวแนะนำนักธุรกิจไทยที่สนใจเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในประเทศจีนยุคนี้ว่า แตกต่างจากกรณีซีพีเข้าไปทำธุรกิจในจีนเมื่อ 40 ปีก่อน ซึ่งซีพีเข้าไปลงทุนเป็นรายแรกของไทย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่จีนกำลังเปิดประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดี อีกทั้งตลาดมี Demand สูงเพราะต้องการพัฒนาและเร่งการเติบโต แต่ปัจจุบันนี้เราเป็นชาวจีนโพ้นทะเล เปรียบเป็นมังกรที่จะข้ามทะเลไปลงทุนมนจีน ยังสู้งูเขียวท้องที่ไม่ได้เลย กล่าวคือปัจจุบันจีนได้สะสมองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ไว้อย่างมากมาย ไม่ใช่จะใช้เพียงเงินทุนแล้วคิดว่าจะสำเร็จได้ เพราะจีนวันนี้มีเงินมหาศาลและการเข้าไปทำธุรกิจต้องแข่งขันกับคนเก่งทั่วโลกที่เข้ามาลงทุนในจีน และยังมีนักลงทุน นักธุรกิจชาวจีนที่มีศักยภาพอีก รวมถึงรัฐวิสาหกิจจีนที่ดำเนินธุรกิจต่างๆ อีก
อย่างไรก็ตามแม้เต็มไปด้วยการแข่งขันแต่ก็มีโอกาสมาก เพราะวันนี้จีนคือตลาดใหญ่ โอกาสที่นักธุรกิจไทยที่อยากไปลงทุนในจีน ช่วงนี้เป็นช่วงดีที่สุดอีกครั้ง เพราะในวิกฤติย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ เนื่องจากปัจจุบันจีนกำลังเผชิญกับสงครามการค้า อาจมีหลายธุรกิจที่ต้องการถอนกิจการ เป็นโอกาสดีที่จะเข้าไปรับช่วงและพัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อแน่ว่าจะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลจีน เช่น อาจมีการผ่อนปรนเงื่อนไขต่างๆ เปิดกว้างให้ลงทุนในด้านต่างๆ มากขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้เห็นว่า ธุรกิจที่ควรลงทุนควรเน้นที่เกี่ยวกับ High Technology และต้องเป็นเทคโนโลยีที่จีนยังไม่มี และการไปลงทุนในจีนต้องใช้แรงงานท้องถิ่น ต้องสร้าง แรงงานท้องถิ่นให้ทำงานให้เป็นและเก่ง โดยส่งคนไทยที่เก่งๆ ไปดูบัญชีการเงินและสนับสนุนดูแลในด้านอื่นๆ
ท่านประธานอาวุโส กล่าวปิดท้ายด้วยว่า “เมื่อมีวิกฤตย่อมมีโอกาส วันนี้จึงเต็มไปด้วยโอกาสในจีน ให้คิดเสมอว่าวิกฤติเกิดทุกวัน เราเตรียมพร้อมรับมือวิกฤติอย่างไร ยามที่อยู่ในวิกฤติ ให้คิดว่าฟ้าจะสว่างแล้ว ยามที้ฟ้าสว่าง สดใส เมฆฝนฟ้าคะนองก็ให้คิดเสมอว่า วิกฤต มาได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ ยุคสมัยนี้นักธุรกิจต้องผนึกกำลังกันไม่ใช่ทำคนเดียว ดังนั้นโอกาสและจังหวะที่จะไปลงทุนในจีน หลังโรคติดต่อนี้หายแล้วก็น่าจะไปลงทุนได้เลย และที่สำคัญต้องเป็นทำธุรกิจบนพื้นฐานจริยธรรม ตัดสินใจให้เร็ว เด็ดขาด เข้าทำนอง ปลาเร็วกินปลาช้า นอกจากนี้ ผู้สนใจลงทุนในจีนต้องเรียนรู้ภาษาจีน เพราะในภาษาจีนแฝงไว้ด้วยวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง และจะทำให้เราเข้าใจจีนเละเขาถึงจีนได้อย่างยั่งยืน ”
สำหรับหลักสูตร ผู้บริหารระดับสูงด้านองค์ความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจจีน TEPCIAN (Top Executive Program on China Business Insights and Network) หรือ ผู้บริหารระดับสูงด้านองค์ความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจจีน เป็นหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์จริงในองค์ความรู้ทางด้านจีนในประเด็นต่างๆ เช่น ภาษาและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถไปบูรณาการต่อยอดทางธุรกิจ โดยการศึกษาดูงานครั้งนี้มีผู้บริหารจากองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของไทย ทั้งนักธุรกิจ นักการวิชาการ ผู้การตลาด เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และให้ความสนใจในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพื่อต่อยอดความคิดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจพร้อมเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำให้ธุรกิจเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ***ที่มาหลักของข้อมูลโดยทีม PR สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีการปรับเพิ่มโดยทีมงาน TEPCIAN